...
Show More
ถ้าคุณอยากเข้าใจประวัติศาสตร์มนุษย์ให้ดีขึ้น บางครั้งการถอยออกมาดูแผนที่จะช่วยให้เราเข้าใจอิทธิพลอันยิ่งใหญ่ของภูมิศาสตร์ที่มีผลต่อประวัติศาสตร์ และเข้าใจสาเหตุเบื้องหลังที่แท้จริงของความมั่งคั่งและความยากจนต่างๆ ในโลกปัจจุบันได้ดีขึ้น -> อันนี้คือใจความหนังสือ และหนังสือก็ตอบคำถามประเด็นเหล่านี้ได้ดี
คนเราแตกต่างกันตั้งแต่เมื่อไร? ทำไมยุโรป-เมกา รวยกว่าแอฟริกา เก่งกว่าจริงหรอ (ไม่จริง) ถ้าอย่างนั้นอะไรที่เป็นตัวกำหนดว่าประเทศไหนจนและประเทศไหนรวยละ แน่นอนว่ามีหลายคำตอบมากๆ และหลายปัจจัย แต่ปัจจัยหนึ่งที่แน่ชัดคือ "ไม่ใช่ประเทศไหนฉลาดกว่าหรือโง่กว่า" แต่เป็น "ใครโชคดีกว่ากัน" (เศร้ากว่าเดิม)
เราอาจจะเคยอ่านหนังสือเศรษฐศาสตร์ที่พูดเรื่องประเทศไหนจนและรวยมาบ้างแล้ว คำตอบที่พบเห็นได้บ่อยคือ ประเทศรวยมีสถาบันที่ดี/สถาบันเช่น การเมือง การศึกษา อะไรงี้เป็นต้น แต่เล่มนี้จะเจาะลึกมากกว่านั้น แล้วอะไรที่ทำให้บางประเทศมีสถาบันการเมืองที่ดีกว่าแต่อีกประเทศไม่มี นี่ต่างหากที่น่าสนใจ เพราะการแก้ปัญหาแค่บอกว่า อ่อ ประเทศยูคอร์รัปชั่นเยอะหรอ เราไม่กำจัดการโกงกันเถอะ แล้วก็ส่งเสริมเงินทุนต่างๆ โดยไม่ได้เข้าใจปัจจัยเบื้องหลังก็ไม่ได้แก้ปัญหาอะไรเท่าไรนัก (ถ้ามันแก้ ประเทศยากจนอย่างซิมบับเวก็ควรรวยแล้ว) หากเราเข้าใจเบื้องหลังของเบื้องหลังของปัญหา (รากของปัญหา แหม เขียนอะไรอย่างนั้น) มันอาจจะไม่ได้ทำให้ปัญหาแก้ง่ายขึ้น (ปัญหาเรื่องความเหลื่อมล้ำไม่เคยแก้ง่าย) แต่อย่างน้อยมันอาจจะแก้ได้ตรงจุดมากขึ้น และมีประสิทธิภาพมากขึ้น
นี่คือข้อดีของหนังสือ และเป็นข้อดีข้อเดียวที่ทำให้เรา "ทน" อ่านได้จนจบ 555555 เพราะหนังสือน่าเบื่อมาก ใครบอกเซเปี้ยนหนาและน่าเบื่อเหมือนหนังสือเรียน คือ มาเจอเล่มนี้ก่อนเพื่อน หนากว่าและน่าเบื่อกว่าอีก 55555 แต่มันก็ทำให้เราเข้าใจประวัติศาสตร์ภูมิศาสตร์อย่างย่อย่อเท่าที่หนังสือหนา 600 กว่าหน้าจะทำได้ แน่นอนว่ามันไม่ละเอียด (คือ ถ้าละเอียดกว่านี้ก็คงอ่านไม่จบ) แต่มันก็ครอบคลุมที่จะทำให้เราเข้าใจภาพกว้างของแผนที่โลกว่ามันเป็นไปอย่างไร การเคลื่อนที่ของกลุ่มอำนาจผ่านทางแผ่นดิน
ในท้ายๆ เล่มจาเร็ดเองก็อธิบายเพิ่มว่า แน่นอนว่าภูมิศาสตร์ไม่ใช่ทั้งหมดของปัจจัยในการเปลี่ยนแปลงทางอำนาจหรือกำหนดสิ่งต่างๆ มันก็ยังมีปัจจัยด้านวัฒนธรรม หรืออื่นๆ เข้ามาเกี่ยวข้องอีกด้วย แต่หนังสือเล่มนี้ไม่ได้มีกล่าวถึงเพราะถ้าจะเขียนถึงอาจจะหนากว่านี้จนยกอ่านไม่ไหว
ปล. เราชอบช่วงเข้าบทที่ 4 ที่สุด เพราะมันคือการเอาบทใหญ่ทั้ง 3 ก่อนหน้ามาเชื่อมโยงเข้ากับภูมิภาคต่างๆ ของโลก ทั้งจีน แอฟริกา และญี่ปุ่น โดยเฉพาะญี่ปุ่น สนุกสุด 5555 คงเพราะรู้สึกว่าใกล้ตัวด้วยมั้ง
คนเราแตกต่างกันตั้งแต่เมื่อไร? ทำไมยุโรป-เมกา รวยกว่าแอฟริกา เก่งกว่าจริงหรอ (ไม่จริง) ถ้าอย่างนั้นอะไรที่เป็นตัวกำหนดว่าประเทศไหนจนและประเทศไหนรวยละ แน่นอนว่ามีหลายคำตอบมากๆ และหลายปัจจัย แต่ปัจจัยหนึ่งที่แน่ชัดคือ "ไม่ใช่ประเทศไหนฉลาดกว่าหรือโง่กว่า" แต่เป็น "ใครโชคดีกว่ากัน" (เศร้ากว่าเดิม)
เราอาจจะเคยอ่านหนังสือเศรษฐศาสตร์ที่พูดเรื่องประเทศไหนจนและรวยมาบ้างแล้ว คำตอบที่พบเห็นได้บ่อยคือ ประเทศรวยมีสถาบันที่ดี/สถาบันเช่น การเมือง การศึกษา อะไรงี้เป็นต้น แต่เล่มนี้จะเจาะลึกมากกว่านั้น แล้วอะไรที่ทำให้บางประเทศมีสถาบันการเมืองที่ดีกว่าแต่อีกประเทศไม่มี นี่ต่างหากที่น่าสนใจ เพราะการแก้ปัญหาแค่บอกว่า อ่อ ประเทศยูคอร์รัปชั่นเยอะหรอ เราไม่กำจัดการโกงกันเถอะ แล้วก็ส่งเสริมเงินทุนต่างๆ โดยไม่ได้เข้าใจปัจจัยเบื้องหลังก็ไม่ได้แก้ปัญหาอะไรเท่าไรนัก (ถ้ามันแก้ ประเทศยากจนอย่างซิมบับเวก็ควรรวยแล้ว) หากเราเข้าใจเบื้องหลังของเบื้องหลังของปัญหา (รากของปัญหา แหม เขียนอะไรอย่างนั้น) มันอาจจะไม่ได้ทำให้ปัญหาแก้ง่ายขึ้น (ปัญหาเรื่องความเหลื่อมล้ำไม่เคยแก้ง่าย) แต่อย่างน้อยมันอาจจะแก้ได้ตรงจุดมากขึ้น และมีประสิทธิภาพมากขึ้น
นี่คือข้อดีของหนังสือ และเป็นข้อดีข้อเดียวที่ทำให้เรา "ทน" อ่านได้จนจบ 555555 เพราะหนังสือน่าเบื่อมาก ใครบอกเซเปี้ยนหนาและน่าเบื่อเหมือนหนังสือเรียน คือ มาเจอเล่มนี้ก่อนเพื่อน หนากว่าและน่าเบื่อกว่าอีก 55555 แต่มันก็ทำให้เราเข้าใจประวัติศาสตร์ภูมิศาสตร์อย่างย่อย่อเท่าที่หนังสือหนา 600 กว่าหน้าจะทำได้ แน่นอนว่ามันไม่ละเอียด (คือ ถ้าละเอียดกว่านี้ก็คงอ่านไม่จบ) แต่มันก็ครอบคลุมที่จะทำให้เราเข้าใจภาพกว้างของแผนที่โลกว่ามันเป็นไปอย่างไร การเคลื่อนที่ของกลุ่มอำนาจผ่านทางแผ่นดิน
ในท้ายๆ เล่มจาเร็ดเองก็อธิบายเพิ่มว่า แน่นอนว่าภูมิศาสตร์ไม่ใช่ทั้งหมดของปัจจัยในการเปลี่ยนแปลงทางอำนาจหรือกำหนดสิ่งต่างๆ มันก็ยังมีปัจจัยด้านวัฒนธรรม หรืออื่นๆ เข้ามาเกี่ยวข้องอีกด้วย แต่หนังสือเล่มนี้ไม่ได้มีกล่าวถึงเพราะถ้าจะเขียนถึงอาจจะหนากว่านี้จนยกอ่านไม่ไหว
ปล. เราชอบช่วงเข้าบทที่ 4 ที่สุด เพราะมันคือการเอาบทใหญ่ทั้ง 3 ก่อนหน้ามาเชื่อมโยงเข้ากับภูมิภาคต่างๆ ของโลก ทั้งจีน แอฟริกา และญี่ปุ่น โดยเฉพาะญี่ปุ่น สนุกสุด 5555 คงเพราะรู้สึกว่าใกล้ตัวด้วยมั้ง